top of page

อารมณ์ไม่หายไปไหน !!!

ใน Session การโค้ชออนไลน์


หลังจากคุยกันสักพัก ผม เอ๋ และผู้ที่มารับบริการ (โค้ชชี) ก็ได้ช่วยกันสรุปโจทย์ และเป้าหมายของการโค้ชวันนี้ออกมาร่วมกัน


โจทย์ที่ค้นพบด้วยกันคือ “เป็นคน Sensitive ร้องไห้ง่าย คิดมาก คิดวนเวียนค้างอยู่ในหัว ชอบบ่น เป็นคนลืมอะไรง่าย ไม่พอใจจะเงียบ ร่างกายเกร็ง ตึงเครียด และรู้สึกไม่ดีพอ” ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นตอนนี้


เป้าหมายของการโค้ช คือ “อยาก Move on ได้เร็วขึ้น”


พอได้คุยกัน coaching moment เกิดขึ้นตอนโค้ชชีมีความรู้สึกผิดหวังกับตัวเองเกิดขึ้นในร่างกาย


ภายใต้ความรู้สึกผิดหวังกับตัวเอง กลับกลายเป็นความรู้สึก สับสน เสียใจ เศร้าใจ โกรธ รู้สึกผิด จากประสบการณ์ในอดีตที่คุณพ่อชอบเอาเรื่องที่ทำงานมาลงกับคนที่บ้าน


เมื่ออารมณ์ความรู้สึกก้อนใหญ่ (emotional overwhelm) ก็จะจัดการได้ยากเป็นธรรมดา ร่างกายขาดการเชื่อมโยงกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น หลังจากช่วยกันการแยกแยะอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ก็เกิดความตระหนักรู้และจัดการสิ่งที่ค้างอยู่ในหัวได้ง่ายขึ้นตามเป้าหมาย


จบการโค้ช


ถอดบทเรียนการโค้ช


ทิศทางการโค้ช และ patterns ที่พบ


ถ้าคุณเอาความหงุดหงิด ขุ่นเคืองใจในที่ทำงานไปลงกับคนที่บ้าน จนกลายเป็นความเคยชิน


อะไรจะเกิดขึ้นกับลูกของคุณ? เคสนี้เป็นเพียงตัวอย่าง ที่อยากเชื่อมโยงให้เห็นถึง




คุณอาจไม่รู้ตัว ในบริบทการทำงาน คุณกำลังอยู่ในความสัมพันธ์แบบ I lose - You win ผ่านการเป็นคนดี ใจเย็น (Nice guy) เป็นคนที่สังคมบอก คนดีควรทำแบบไหน และพยายามรักษาภาพนั้นไว้ ทั้งที่มีความโกรธปะทุอยู่ภายใน




เมื่อกลับมาบ้านคุณก็สลับความสัมพันธ์เป็นแบบ I win - You lose หมุนเวียนสลับไปมาระหว่างที่ทำงานและที่บ้าน จนกลายเป็นคนที่มีนิสัยหงุดอารมณ์เสียง่ายกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง และกลายเป็นต้นแบบของการรับมือกับอารมณ์ให้ลูกคุณโดยไม่ได้ตั้งใจ


มนุษย์ทุกคนมีปมทางความคิดและความรู้สึกของตัวเอง (mental complex) เพียงค้นพบ เชื่อมโยง เปิดรับ ทำความเข้าใจ และจัดระเบียบปมทางความคิดและความรู้สึกของตัวเองผ่านการปรับจูนตัวเองให้มีความแม่นยำในการรับรู้อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในร่างกาย ให้เวลาร่างกายได้ process อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้น


เมื่อจับสัญญาณทางอารมณ์ความรู้สึกได้ อารมณ์ก็จะเกิดการไหลเวียน ฝึกบ่อยๆ จัดระเบียบความคิดความรู้สึกบ่อยๆ เวลาอารมณ์ความรู้สึกเกิดขึ้นก็จะหาเจอง่าย ตระหนักรู้ตัวได้ง่าย เวลาจิตตกก็มีกำลังในการย้ายโฟกัสสู่ growth mindset ได้ รู้วิธีกลั่นกรองข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในภาวะที่เผชิญเหตุการณ์ตึงเครียด


เมื่อความตึงเครียดในร่างกายได้มีโอกาสรีเซ็ทตัวเองผ่านวิธีคิดและทักษะที่ส่งเสริมให้ร่างกายออกจากภาวะตึงเครียด กลับมาสู่โหมดผ่อนคลายได้เต็มที่ (stress resilience)


ความรู้สึกไม่ปลอดภัยลึกๆข้างในจึงได้ขยับปรับจูน การตรวจจับหาสัญญาณอันตรายของสมองฟื้นคืนสู่สมดุลตามธรรมชาติ สมองเลิกตีความว่า “อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในร่างกายเป็นสิ่งอันตราย” จากโหมดมึนชาต่ออารมณ์ความรู้สึก ก็เกิดการรับรู้อารมณ์ความรู้สึกเท่าที่ร่างกายรู้สึก ไม่มีอะไรตกค้างเป็นขยะรกรุงรังอยู่ภายใน ความกังวลคลายตัว เกิดพื้นที่ว่างภายใน รู้สึกเบิกบาน จิตใจสงบ เกิดภาวะที่ร่างกายผ่อนคลายและมีสมาธิจดจ่อสลับไปมาอย่างสมดุล สามารถเลือกตอบสนองต่อสถานการณ์ชีวิตต่างๆที่ท้าทายอย่างสอดคล้องพอดี


4 views0 comments

Recent Posts

See All

คิดด้วยร่างกาย

การรับมือความเครียดในโลกปัจจุบันที่ผันผวนสูง ส่งผลให้สมองแบกรับภาระเกินกำลัง สมองเองมีข้อจำกัด ทั้งทางกายภาพและจิตใจ เช่น ประมวลความคิดได้ลดลงเวลาที่เหนื่อยล้า มีอคติทางความคิด รีบด่วนสรุป และสมองอาจม

bottom of page