การอยู่บนเรือกลางทะเลที่เต็มไปด้วยคลื่นลมแรงทำให้ร่างกายเมาคลื่น แม้จะกินยาแก้เมาเรือไปหลายเม็ด แต่ก็ไม่อาจต้านทานอาการพะอืดพะอมและรู้สึกเหมือนหัวกำลังหมุนวนไม่หยุด
แม้กระทั่งคนเรือบางคนก็ยังอ้วกแตกจากคลื่นลมที่แปรปรวน
ความโคลงเคลงที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลแค่กับร่างกาย แต่ยังท้าทายจิตใจอย่างหนัก
ขณะพยายามควบคุมร่างกายให้กลับมาทรงตัวได้ มีความรู้สึกอยากลงจากเรือเพื่อขึ้นฝั่งไปสัมผัสพื้นดิน
สิ่งที่ธรรมดาอย่าง ‘พื้นดิน’ กลายเป็นสิ่งที่โหยหา ราวกับแหล่งพักพิงที่เรามองข้ามไปในยามที่ชีวิตดำเนินไปอย่างราบรื่น
เมื่อพยายามต่อสู้กับความโคลงเคลงไม่สำเร็จ และหนีไปไหนไม่ได้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือการทำใจยอมรับมัน
พอหัดที่จะอยู่กับความไม่มั่นคง ช่วยให้ทุกข์เริ่มเบาลง เป็นบทเรียนสำคัญที่สอนว่า บางครั้งการเปิดใจยอมรับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ กลับช่วยให้เราผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ง่ายขึ้น
ประสบการณ์นี้ทำให้ตระหนักถึงความสำคัญของ “พระแม่ธรณี” ที่เราแทบไม่เคยได้ใส่ใจในชีวิตประจำวัน
พื้นดินที่มั่นคง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยดูธรรมดา กลับกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง เมื่อเราถูกดึงออกจากมัน
รวมไปถึงสิ่งธรรมดาอีกหลายอย่างในชีวิตประจำวัน เช่น ครอบครัว เสียงนกร้อง แดดออก ดอกไม้บาน หรือการเดินได้ ก็เป็นสิ่งที่มักถูกมองข้ามจนกว่าสิ่งเหล่านั้นจะหายไป
เรือที่โคลงเคลงกลางทะเลเหมือนชีวิตที่มักเผชิญกับความไม่แน่นอนในโลกทุกวันนี้
‘เมื่อเราเลิกพยายามควบคุมสิ่งที่เกินกำลัง และเลือกที่จะเชื่อมโยงกับปัจจุบันด้วยลมหายใจ เราจะพบว่าความสงบอยู่ใกล้กว่าที่คิด’
พอเท้ากลับมายืนบนพื้นดินอีกครั้ง ความสงบและความมั่นคงที่สัมผัสได้ไม่เพียงช่วยให้ร่างกายฟื้นตัว แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้เราใส่ใจรากฐานในชีวิตมากขึ้น
ความมั่นคงจึงไม่ได้อยู่ที่พื้นดินเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ในใจของเราที่จะหัดปล่อยวาง อยู่กับปัจจุบัน และขอบคุณสิ่งธรรมดาในชีวิตประจำวันที่มอบความสุขสงบและสมดุลให้ชีวิต
Comments